
ค่ายหน่วยฯ || ไหว้ครูหน่วยฯ || รับน้องหน่วย
|| บายเนียร์
=====================================================================
ค่ายอาสาพัฒนาจุฬาฯ-ชนบท (ค่ายหน่วยฯ จุฬาฯ-ชนบท)
หน่วยจุฬาฯ-ชนบท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีโครงการรับนิสิตด้วยโครงการพิเศษ ตามโครงการจุฬาฯ-ชนบท
เมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยคัดเลือกจากเด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาที่มาจากฐานะครอบครัวทางบ้านที่ค่อนข้างขาดแคลนเป็นประจำทุกปี
เพื่อเข้าศึกษาต่อในคณะต่างๆที่เปิดทำการเรียนการสอนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางกลุ่มนิสิตโครงการจุฬาฯ-ชนบท
จึงมีการรวมตัวกันขึ้นโดยหวังที่จะพัฒนาในถิ่นฐานท้องถิ่นต่างจังหวัดของตนเองโดยแสดงออกมาในรูปของค่าย
โดยเริ่มแรกนั้นใช้ชื่อว่า ค่ายหน่วยจุฬา-ชนบท ตามโครงการที่รับเข้ามา
การออกค่ายอาสาพัฒนานั้นมีการออกค่ายเป็นประจำทุกๆปีในรูปแบบค่ายอาสาพัฒนา และมีการออกค่ายเพียงปีละ
1 ครั้งเท่านั้น เหตุเนื่องจากงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานค่ายต้องใช้จำนวนมากและงบประมาณดังกล่าวทางกลุ่มนิสิตต้องดำเนินการจัดหากันเอง
การดำเนินค่ายมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบค่ายไปเรื่อยๆ ประกอบด้วยโครงงานหลายๆอย่าง
และในปี พ.ศ.2539 ในระยะแรกการดำเนินการค่าย นิสิตที่ทำเป็นนิสิตที่อยู่ในโครงการทั้งหมด
ภายหลังกิจกรรมทางค่ายเป็นที่โดดเด่นและเป็นที่สนใจกับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่นิสิตในโครงการจุฬา-ชนบทจำนวนมาก
และทางค่ายก็เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ในการที่จะร่วมสานอุดมการณ์เริ่มต้นในการทำค่าย
ทางค่ายจึงทำการเปลี่ยนชื่อจาก ค่ายหน่วยจุฬา-ชนบท มาเป็น ค่ายอาสาพัฒนา จุฬา-ชนบท
จนถึงปัจจุบัน
ตลอดเวลา 18 ปี แห่งการก่อเกิด ค่ายอาสาพัฒนา จุฬา-ชนบท ปัจจุบันมีโครงงานที่ทำอยู่หลายโครงงาน
เช่น
1. โครงงานสร้าง
เป็นการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุเพื่อประโยชน์สูงสุดของหมู่บ้านและสถานที่ในการทำค่าย
และเป็นความต้องการของผู้อยู่อาศัยหรือชาวบ้านอย่างแท้จริงโดยไม่เน้นการเชี่ยวชาญหรือความชำนาญของ
ชาวค่ายแต่อย่างใด เพราะแรงงานส่วนใหญ่ที่ใช้ในการทำค่ายมาจากการร่วมลงมือกัน ระหว่างชาวค่ายและชาวบ้าน
เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกรักและหวงแหนในทรัพย์สมบัติที่เกิดจากการลงมือของตนเอง เช่น
ถังรองรับและเก็บน้ำฝน อาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาคารเรียน หรืออาคารห้องสมุดให้โรงเรียน
อาคารศาลาอเนกประสงค์ให้หมู่บ้าน ถนนภายในหมู่บ้าน เป็นต้น
2. โครงงานศึกษาและเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือโครงงานสัมพันธ์ชาวบ้าน
เป็นโครงงานที่ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณี
ความเชื่อต่างๆที่มีอยู่ในหมู่บ้าน เพื่อการปรับตัวเข้าเป็นส่วนให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวระหว่างชาวบ้านและชาวค่าย
อันจะนำมาซึ่งการร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์อื่นๆได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้โครงงานดังกล่าว
ยังเป็นการเรียนรู้ถึงปัญหาสังคมที่ชาวบ้านกำลังประสบอยู่ และร่วมทำการแก้อย่างมีระบบตามที่ได้ร่ำเรียนมา
และมีการสอดแทรกความคิดในการที่จะนำมาซึ่งค่านิยมในการเรียนต่อในระดับสูงอีกด้วย
การไปสัมพันธ์กับชาวบ้านนั้น เปรียบเสมือนหนึ่งว่าได้เป็นชาวบ้านคนหนึ่งของหมู่บ้าน
กินอย่างชาวบ้าน อยู่อย่างชาวบ้าน ประพฤติปฏิบัติอย่างชาวบ้าน
3. โครงงานสวัสดิการ
เป็นโครงการที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ อาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ภายในค่าย
การดำเนินงานสำหรับโครงงานสวัสดิการนั้นงานหลักคือ การทำอาหารที่ถูกสุขอนามัย การให้น้ำดื่มที่สะอาด
การให้น้ำอุปโภคที่สะอาดเพียงพอตามอัตตภาพ ตลอดจนการรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นภายในค่าย
สำหรับชาวค่ายและชาวบ้านเป็นบางส่วน นอกจากนี้แล้ว โครงงานสวัสดิการยังเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเมืองหลวง
4.โครงงานสัตว์รักษ์
เป็นการฝึกการใช้วิชาชีพพื้นฐานที่ได้เรียนมาของนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ และมีการสอนการรักษาและส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกวิธีให้กับบ้าน
นอกจากนี้แล้วโครงงานสัตว์รักษ์ ยังเป็นการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ที่เพื่อเป็นการเกษตรที่ยั่งยืนในอนาคต
และพลิกผันชีวิตไปสู่การเลี้ยงสัตว์ที่เป็นอาชีพในอนาคตข้างหน้าต่อไป โครงงานสัตวรักษ์
เป็นการร่วมมือกันระหว่างปศุสัตว์อำเภอ นิสิตที่ร่วมโครงการตลอดจนนิสิตรุ่นที่ค่ายได้ทำการศึกษาและจบออกไปอีกทางหนึ่งด้วย
5. โครงงานสันทนาการ
เป็นโครงงานที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่ภายในค่ายอย่างไม่เครียด การใช้ชีวิตที่มีคุณค่าในสังคมภายใต้ข้อกดดันแห่งชีวิต
การหาทางออกแห่งชีวิตภายใต้ข้อกดดันทางสังคมที่ถูกวิธี โครงงานสันทนาการจะมีการจัดหาอุปกรณ์ในการดำเนินการค่าย
เช่น อุปกรณ์กีฬา กีตาร์ หนังสือเพลงค่าย เกมส์การละเล่นต่าง ๆ และเกมสำหรับพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
6.โครงงานสาธารณสุข
เป็นโครงงานที่เกี่ยวกับการให้การรักษาและการส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของชาวบ้าน
เช่น การรู้จักให้ความสำคัญของสุขภาพ การใช้ยาที่ถูกวิธี การให้ความรู้ทางด้านทันตกรรม
การส่งเสริมและรณรงค์ให้ชาวบ้านให้ความสำคัญต่ออาหารการกินที่สะอาด ถูกสุขอนามัย
ตลอดจนการรู้จักการใช้อาหารที่เป็นอาหารท้องถิ่น และการใช้ยารักษาโรคที่มาจากสมุนไพรแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ
เป็นต้น นอกจากนี้แล้วโครงงานสาธารณสุข ยังมีการตรวจพยาธิบริการให้กับชาวบ้านและชาวค่ายโดยไม่คิดมูลค่าและยังมีการจ่ายยาสำหรับผู้ที่มีพยาธิด้วย
7.โครงงานแนะแนวการศึกษาต่อ
โครงงานนี้เป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
บริเวณที่ใกล้เคียงกับสถานที่ทำค่าย ลักษณะกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อนั้นจะเป็นการนำเด็กนักเรียน
โดยตัวแทนของแต่ละโรงเรียนมาทำการเข้าค่าย ณ โรงเรียนเจ้าภาพ ภายในกิจกรรมแนะแนวจะมีการให้ความรู้ที่เป็นข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นการแนะนำเทคนิคในการเรียนหนังสือที่มีความสุข
การแนะนำแนวทางในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้แล้วกิจกรรมแนะแนวยังเป็นกิจกรรมที่นำไปสู่การสร้างความเป็นพี่เป็นน้องกันขึ้น
อันจะนำมาซึ่งการพึ่งพาอาศัยกันในอนาคตอีกด้วย
8. โครงงานสอนหนังสือเด็กนักเรียน
เป็นโครงงานที่เข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระของอาจารย์ที่ทำการสอนของโรงเรียนในระดับประถมศึกษา
ในบทเรียนที่มีอยู่และการเล่นเกมต่าง ๆ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเด็ก
อันจะนำไปสู่การชักจูงผู้ใหญ่มาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการจัดทำสื่อการสอนที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กนักเรียนอีกด้วย
โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ในท้องถิ่นนั้นๆ
9.โครงงานประชาธิปไตย
เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ตลอดจนการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
การใช้สิทธิในการเรียกร้องตามกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง นอกจากนี้โครงงานประชาธิปไตยยังเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตปัจจุบัน
เช่น การเกิด การตาย การติดต่อสถานที่ราชการ เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว ค่ายอาสาพัฒนา จุฬาฯ-ชนบท ยังมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกจำนวนมาก
เช่น การรับบริจาคเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม หนังสือ เพื่อเป็นกิจกรรมเสริมให้มีอีกด้วย
ในทุก ๆ ปีก่อนการอำลาจากกันไป ก็จะมีการทำบุญร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับชาวค่าย
การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้โดยชาวบ้าน เป็นต้น
ตลอดเวลา 18 ปีแห่งการก่อกำเนิดโครงการจุฬาฯ-ชนบท และค่ายอาสาพัฒนาจุฬาฯ-ชนบท นับวันกิจกรรมค่ายยิ่งพัฒนาขึ้นเท่านั้น
สังเกตได้จากการมีนิสิตคณะต่างๆ สมัครเข้าออกค่ายเป็นจำนวนมาก และมีนิสิตนักศึกษาที่มาจากต่างสถาบันการศึกษาที่สนใจการออกค่ายอาสาพัฒนา
ร่วมใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศค่าย และมีเสียงตอบรับรูปแบบค่ายอย่างดียิ่ง แล้วคุณหล่ะ
จะไม่ยอมเปิดตัวเองสู่อีกโลกแห่งการพัฒนาร่วมกันกับเราหรือ
สังคมนี้ ยังมีอีกหลายที่ที่ยังรอความหวังในการพัฒนา หนทางที่สบายมักเต็มไปด้วยผู้คนที่อยากก้าวเดินไป
แต่หนทางที่ยากลำบากนั้นยากยิ่งนักที่จะมีคนอยากเดิน เราชาวค่ายขอใช้พลังของหนุ่มสาว
พลังของคนรุ่นใหม่ที่อุดมการณ์อันแรงกล้าที่จะก้าวต่อไป
ขอน้ำใจคนไทยเพียงสักหยด
ไปราดรดชนบทไทยให้ชุ่มเย็น
***** โดย สัมฤทธิ์ ชมแก้ว,จุฬาฯ-ชนบท รุ่นที่ 16 เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2541
=========================================================================
ใช้เวลาในการประมวลผล 0.0003 วินาที